Saturday, February 27, 2010

กรณีตัดสินยึดทรัพย์ทักษิณ คือจุดนับถอยหลังของคนตระกูลอัปรีย์อย่างแท้จริง...

กรณีตัดสินยึดทรัพย์ทักษิณ คือจุดนับถอยหลังของคนตระกูลอัปรีย์อย่างแท้จริง...
การยึดทรัพย์ของนายกทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เหนือความคาดหมายเลย
และการเหลือทรัพย์อีก 40 % นั้น ก็เป็นสิ่งที่เชื่อได้ว่า เป็นทางเลือกเดียวของ
ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นับตั้งแต่อีนางมารร้ายผีเสื้อสมุทร ตุ๊ดคู่ใจ สารหนูคู่เก้าอี้สูง
และเหล่ากองคลังเส้นวังหลวง...

อันที่จริง นายกทักษิณ จะถูกยึดทรัพย์หมดหรือไม่ มันไม่ได้เกี่ยวกับผมโดยตรง
ผมรักความเย้ายวนใจของลูกสาวคนโตของท่าน รักความหวานลึกของลูกสาวคนเล็ก
และรักความเป็นครอบครัวของตระกูลคนเหนือใจดีตระกูลนี้
แต่การได้เสียโดยตรงไม่เกี่ยวกับผม และผมเองก็คิดมาตลอดว่า การต่อสู้เพื่อ
เสรีประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง มันก้าวพ้นกรณีทักษิณไปนานแล้ว

แต่กรณียึดทรัพย์นี้ มันได้ตอกย้ำ... เหมือนฟางเส้นสุดท้าย
ให้เกิดอะไรหลายอย่างที่ใสยิ่งกว่าแก้วคริสตอล
ว่าท่านทักษิณ ยอมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เล่นเกมก้ำกึ่งเผื่อเลือกไม่ได้แล้ว
ว่านางผีเสื้อสมุทรกิเลสหนาปัญญาควาย มันหน้ามืดและโหดร้ายเกินให้อภัย
ว่าขบวนการนี้ มันมีคนบงการสูงกว่าอ้ายตุ๊ดเฒ่า
และว่า สองตัวการใหญ่ไม่ใช่ใครที่่ไหนอีกแล้ว... นอกจากสองเฒ่าผัวเมียผู้บาปใหญ๋

ไอ้ที่ว่าท่านนายกทักษิณทราบหรือไม่ มันไม่ได้เป็นประเด็นน่าสงสัย
คนระดับนั้น ตาใสมานานแล้ว แต่ด้วยเกมการเมืองและเงินอันมหาศาล
ยังไงท่านก็ต้องให้โอกาสกันจนถึงวินาทีสุดท้าย

แต่ผลการตัดสินครั้งนี้ ได้ทำให้คนไทยตาใส ตามัว จำนวนมาก เกิดอาการเกลียดชัง
ความชั่วแบบแก็งค์ผู้ดีที่ปิดประเทศปล้นเงินนายกทักษิณอย่างหน้าด้านที่สุดในจักรวาล
และแน่นอนว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นนับถอยหลังของตระกูลอัปรีย์ของประเทศหนึ่ง
แต่จากการตัดสินคดีความดังกล่าว ... หลายคนอาจจะกลัวและไม่อยากทำผิดชั่วอีก
แต่คงโดนแรงกดดันทั้งจากการกลัวความผิด การกลัวโทสะจริตของคนค้ำฟ้า
หรืออาจจะเป็นอาการตาพร่า ไม่ยอมเห็นโลงศพที่วางอยู่ข้างหน้า

นี่จะบอกให้ ไอ้และอีทั้งหลาย

ความระยำอัปรีย์ที่พวกมึงทั้งหลายทำไว้ มันปิดไม่อยู่ และมันกำลังจะตอบสนอง
เคยเตือนเรื่องกฎแห่งกรรมมาก็บ่อยครั้ง..

วันนี้จะขอยกโลงศพ อันคือความจริง มาประกอบให้เห็นภาพ

หนึ่ง ใครทำอะไรไว้หลังม่านทอง ม่านบาป ม่านม่วง อะไรก็แล้วแต่ วันนี้
ประชาชนได้ข่าวหมดแล้ว

สอง การสร้างภาพสวยหรู สำทับด้วยขบวนการกล่อมเมืองด้วยสื่อและคำเท็จที่ออกมา
จากปากอันบูดเบี้ยวบนหน้าตาที่ถลนเป็นเปรตจำนวนมากมาย บนสื่อเหม็นเน่าของรัฐนั้น
มันไม่อาจลบภาพความโลภ ของคนตระกูลอัปรีย์ไม่กี่ตระกูลที่รอวันถูกกรรมและตีน
ตามตอบสนอง

มันไม่อาจล้างความจริงที่ว่า การกิน ขี้ ปี้ นอน แบบไม่อายฟ้าดิน มันได้ทำลาย
ภาพศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นมานมนาน

มันไม่อาจลบภาพความจริงที่คนจบ ป. สี่ ก็เข้าใจว่า พวกมึงรวมหัวกันปล้นและย่ำยี
คนตระกูลหนึ่ง แบบโหดร้าย เหี้ยมโหด ไร้ธรรม

และที่สำคัญ สาม แผ่นดินนี้ ไร้ธรรม ไร้ความหวัง ไร้ความเจริญ และไร้ภราดรภาพ
ไม่สมกับคำมั่นสัญญาของคนใหญ่ไหล่ทรุด และเมื่อกรรมตามทัน... ทุกอย่างมันจึงชัด

ไล่ยึดอำนาจเขา... แล้วอำนาจของพวกมึงน่ะ มันเสื่อมขนาดไหน
ไล่ลงมาเลยตั้งแต่คนที่นั่งบนเก้าอี้ฉาบทอง คนที่นั่งเก้าอี้หลัก ๆ ในทำเนียบ
คนที่สร้างภาพเหนือไพร่อย่างตุ๊ดแก่ และแม้แต่สารหนูทั้งหลาย พวกมึงเสื่อมสุด ๆ แล้ว
แต่ในทางตรงกันข้าม คนถูกยึดอำนาจ กลายเป็นคนที่ถูกรัก ถูกยกย่อง
วันนี้ ทักษิณ เป็นสหายของกูโดยสมบูรณ์แล้ว

ทำครอบครัวเขาแตกแยก... วันนี้สิ่งที่เห็นก็คือ ครอบครัวอัปรีย์ไม่มีอะไรดี
สมกับครอบครัวที่หนึ่งของชาติเลย ตุ๊ดแก่ก็ไร้ครอบครัว ตุ๊ดตูดแหกจากกรณี
อีตั้นอีแตน ก็คงเสื่อมในสายตาเมีย และความเสื่อมจะลามลงไปถึงลูก ๆ มัน
ซึ่งจะหาความเจริญไม่ได้ ส่วนสารหนูทั้งหลายที่ช่วยกันทำร้ายครอบครัวเขาทุกทาง
ผมเชื่อว่า อยู่ไม่ดีกินไม่อร่อยขึ้นทุกวัน

นี่ไม่นับการสั่งร้ายหมายฆ่าฟันทักษิณและประชาชน พวกมึงอยู่แบบหวาดผวามา
หลายเดือนแล้ว แต่ต่อไปนี้ รอวันที่ดาบจะกินเลือดเชือดเนื้อพวกมึงได้เลย
พวกแกจะเป็นทุกข์ ร้อนรนยิ่งกว่านี้ จนถึงวันดาบคืนสนอง...

ใครไม่รู้ก็ขอให้รู้ไว้
พวกมึงทำอะไรหลังม่าน ข่าววงในมันลอดไกลถึงอเมริกา
พวกมึงทำผิดศีลธรรมอะไรไว้ กูได้เห็นภาพ ยินเสียง และได้อ่านแบบไม่ต้องวิ่งหา
เครือข่ายพวกมึง มันชัดเจน...
คนอย่างน้อยล้านห้าแสนที่จะลุกมาทวงเสรีประชาธิปไตยบนท้องถนน
มีตีน มือ อาวุธ และกำลังมากพอที่จะขย้ำพวกมึงแค่ไม่กี่กำมือได้แบบไม่ยากเย็น

และจงเชื่อเถิดว่า พวกมึงไม่มีบุญเสวยสุขจากเงินที่ปล้นท่านทักษิณและบ้านเมืองไปได้อีกนานแล้ว
และจงเชื่อด้วยว่า กรรมมันจะทำให้พวกมึงย้ายเงินหนีไปไม่ทัน และหากหนีทัน พวกมึงจะไม่เหลือชีวิตไปใช้มันได้

ดูสภาพของพวกเอ็งวันนี้เถิด...
แก่เน่า ทรุดโทรม บวมฉุ หรือไม่ก็ถูกเชื้อโรคร้ายกินลามไปถึงเลือด
และโพรงกระดูก... กันทั้งตระกูล... และจะเป็นอย่างนี้กับอีกหลายตระกูลที่ร่วมทำกรรมชั่ว

โลงศพอยู่หน้าพวกมึงชัดเจนแล้ว
แหกตาดูให้ดี... อย่าเอาแต่แหกปาก แหกกรรม แล้วให้ลูกหลายแหกหอยอร่อยจู๋จนลืมวันรับผลของบาปกรรม...


--
piangdin

Friday, February 19, 2010

มาตรการเด็ดขาดที่จะต้องเกิดบนรากฐานสันติวิธี... ก่อนการฆ่าฟันไอ้-อี ทรราษฎร์ ทั้งหลาย

มาตรการเด็ดขาดที่จะต้องเกิดบนรากฐานสันติวิธี... ก่อนการฆ่าฟันไอ้-อี ทรราษฎร์ ทั้งหลาย
ViewEdit
.Sat, 02/20/2010 - 09:11 | by piangdin | Vote to close topic

สันติวิธี ไม่พอหรอกครับ อหิงสานั้น หากดูให้ดีแล้ว มันไม่ใช่แค่การนั่งนอนรอให้เขาเอาปืนมายิง
แต่เป็นการใช้ความรุนแรงที่ไม่มีใครต้านทานได้ต่างหาก...

ไอ้และอีหน้าหนาทั้งหลาย มันได้แสดงออกถึงสันดานดิบและไร้อารยธรรมของพวกมัน
มันไม่มีทางยอม และนอกจากจะไม่ยอมแล้ว มันจะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดคนเสื้อแดง
ไอ้อภิสิทธิ์ ผมบอกแล้วว่า นี่มันสันดานมันหนาเกินธรรมดา และเมื่อมันมีอำนาจ มันใช้เพื่อทำบาปเป็น
ไอ้เปรม ไอ้พวกนายพลชาติชั่ว และภาคีมารทั้งหลาย มันได้แสดงสันดานอันดิบสุด ๆ ของพวกมันหมดแล้ว

อย่าได้สงสัยอีกเลยครับ เราไม่มีทางเดินขบวนไปด่าแล้วจะให้มันคืนอำนาจ หรือจะให้มันยอมให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เราหวังได้...

ยิ่งเดินทัพไปนาน เราจะยิ่งล้าไปเอง... เพราะทุกครั้งมันหมายถึงเงินทอง...

เวลานี้ สามเกลอต้องฟังเสียงอาจารย์ชูพงศ์แล้วครับ ร่วมมือกันได้ก็ต้องทำ จะเดินขบวนเดียวกันหรือไม่
ก็แล้วแต่ แต่ควรต้องประสานยุทธวิธีกัน... และที่สำคัญอย่าติดอยู่กับยุทธวิธีทื่อ ๆ ตรง ๆ อีกต่อไป
หากเล่นกับเกมและกติกาของอำมาตย์... นอกจากจะไม่ชนะแล้ว ก็มีแต่จะรอวันให้มันฆ่าเราก่อน
แล้วเมื่อนั้นก็จึงจะเกิดการเสียหายมหาศาล... กว่าเราจะชนะ... ก็คงอีกนาน
บ้านเมืองจะเสียหายไปมากกว่านี้ และเราจะเสี่ยงกับการถูกกำราบและเสียขบวน
จนทำให้พลังที่เข้มแข็งอ่อนยวบยาบลงไป กว่าจะรวมตัวได้ก็อาจจะเสียเวลาไปอีกเนิ่นนาน

ผมไม่ได้บอกว่าประชาชนจะแพ้ แต่บอกว่า หากสู้ในเกมของอ้ายและอีเวรตะไรบนนั้น
เราก็มีแต่รอวันสูญเสีย หรือยืดเวลาแห่งความฉิบหายให้ยาวขึ้น ให้บ้านเมืองย่อยยับไปกว่านี้อีก

ดังนั้น วันนี้ ต้องใช้ความรุนแรงครับ แต่เป็นความรุนแรงในกรอบอหิงสา

วันนี้ ขออนุญาตมาขอความเห็นพี่น้อง ว่าเราทำอะไรกันดี

ผมขอเริ่มสักสองสามข้อนะครับ พยายามให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญและกรอบกฎหมายให้มากที่สุดแล้วครับ

หนึ่ง ต้องประกาศร่วมกันไม่เสียภาษีเด็ดขาด ตราบใดที่อภิสิทธิ์ยังยึดอำนาจไปครองแบบหน้าด้าน ๆ
มันจะหน้าด้านอยู่ก็อยู่ไป แต่จะทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป จะไปไหนก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับ
คราวนี้ หากจะทำต้องทำให้หนักหน่วง ให้มันหน้าเสีย ใจเสีย และฝ่อเป็นกระเทยตามนายมันไปเลย
เอาให้หนัก... ในกรอบกฎหมายครับ หากจะปาขี้ ก็อย่าทำคนเดียว แต่ให้ทำพร้อมกันเป็นพันคน
เอาให้เป็นกรณีดังไปทั่วโลก แค่เงินไม่กี่พัน หากมันจะเอาขังคุกพร้อมกันพันคนก็ให้มันขังครับ

สอง ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ กับคำสั่งราชการและรัฐบาล อันนี้ เป็นสิทธิที่ทำได้ นอกจากไม่ทำ
ตามแล้ว อาจจะพยายามสร้างเครือข่ายต่อต้านคำสั่งรัฐบาล กดดันตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา
ตอนนี้ ป่าล้อมเมืองน่าจะต้องถูกปลุกขึ้นมาใช้แบบเข้มสุด ๆ

สาม บอยคอต ประนาม ข่มขู่ กดดัน โดยหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายซึ่งหน้า แต่ทำทั้งใต้ดินและบนดิน
ให้ไอ้และอีทั้งหลาย ไม่มีวันอยู่สุขสบายบนภาษีชาวบ้านอีกต่อไป
ย้ำว่า ต้องเอาให้หนัก เอาให้อยู่ไปก็อายตัวเอง และเกรงจะต้องโทษทัณฑ์
จะทำอย่างไร ขอให้มีทีมงานประสานกัน วางเป้าหมายแล้วหาเงื่อนไขให้ละเอียด
แล้วต้องทำแบบหวังผล เอาให้ไม่มีทางขัดขืนได้....
เกมปาขี้น่ะ ไม่เลวนะครับ... หากคิดได้ตรงนี้ ก็ต้องคิดได้อีกหลายอย่าง
ไอ้และอีที่ว่านี้ มีหลายระดับ จัดคน จัดทัพ แล้วให้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ทำให้ต่อเนื่อง ให้เห็นผล ทำให้มันถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมายน้อยที่สุดนะครับ
แต่มันรุนแรงพอจะทำให้ไอ้และอีพวกนั้น ไม่กี่ตระกูลต้องรู้สึก อับอาย เข็ดหลาบ
ไปตลอดชาติ อย่าให้ใครยิ้มหน้าบานในรถที่เป็นภาษีและเงินกู้ยืมที่เป็นภาระของเรา
ได้อีกต่อไป อย่าให้มันมีความสุขกับการไปเตะฟุตบอลเล่น ทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองย่ำแย่

เอาล่ะ ผมจุดประกายแค่นี้พอ...
จงเสนอประเด็น ทำเป็นแผน แล้วหาคนทำงานให้ชัดเจน ต่อเนื่อง แล้วให้ได้ผล
คนอินเดีย... ไม่ได้ร้องขอให้อังกฤษให้เอกราชนะครับ... ลองไปย้อนดูประวัติศาสตร์ครับ
และเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การปราศรัยเรียกร้องเดินขบวนดอก... เราทำการเยี่ยงนั้น
เพื่อปลุกมวลชนและทำให้พวกเขาตื่นรู้...
เมื่อเงื่อนไขพร้อมแล้วและเมื่อเราเห็นแล้วว่า รอต่อไปมีแต่เสียกับเสื่อม
เราจึงต้อง strike ครับ...

ได้เวลาเอาจริงเอาจังกับอ้ายและอีทรราษฎรแล้วครับ...
อย่าเดินเข้าไปในเกมที่มันดัก แต่จงบังคับให้มันเล่นเกมที่มันไม่มีทางชนะ
และเกมก็ไม่มีวันหมดหรือหยุด จนกว่าพวกมันจะล้มหายตายจากหรือยอมแพ้แบบราบคาบเท่านั้น

ช่วยเสนอความเห็นด้วยนะครับ... เราทำอะไรได้อีกบ้าง?

มาตรการเด็ดขาดที่จะต้องเกิดบนรากฐานสันติวิธี... ก่อนการฆ่าฟันไอ้-อี ทรราษฎร์ ทั้งหลาย

มาตรการเด็ดขาดที่จะต้องเกิดบนรากฐานสันติวิธี... ก่อนการฆ่าฟันไอ้-อี ทรราษฎร์ ทั้งหลาย
ViewEdit
.Sat, 02/20/2010 - 09:11 | by piangdin | Vote to close topic

สันติวิธี ไม่พอหรอกครับ อหิงสานั้น หากดูให้ดีแล้ว มันไม่ใช่แค่การนั่งนอนรอให้เขาเอาปืนมายิง
แต่เป็นการใช้ความรุนแรงที่ไม่มีใครต้านทานได้ต่างหาก...

ไอ้และอีหน้าหนาทั้งหลาย มันได้แสดงออกถึงสันดานดิบและไร้อารยธรรมของพวกมัน
มันไม่มีทางยอม และนอกจากจะไม่ยอมแล้ว มันจะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดคนเสื้อแดง
ไอ้อภิสิทธิ์ ผมบอกแล้วว่า นี่มันสันดานมันหนาเกินธรรมดา และเมื่อมันมีอำนาจ มันใช้เพื่อทำบาปเป็น
ไอ้เปรม ไอ้พวกนายพลชาติชั่ว และภาคีมารทั้งหลาย มันได้แสดงสันดานอันดิบสุด ๆ ของพวกมันหมดแล้ว

อย่าได้สงสัยอีกเลยครับ เราไม่มีทางเดินขบวนไปด่าแล้วจะให้มันคืนอำนาจ หรือจะให้มันยอมให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เราหวังได้...

ยิ่งเดินทัพไปนาน เราจะยิ่งล้าไปเอง... เพราะทุกครั้งมันหมายถึงเงินทอง...

เวลานี้ สามเกลอต้องฟังเสียงอาจารย์ชูพงศ์แล้วครับ ร่วมมือกันได้ก็ต้องทำ จะเดินขบวนเดียวกันหรือไม่
ก็แล้วแต่ แต่ควรต้องประสานยุทธวิธีกัน... และที่สำคัญอย่าติดอยู่กับยุทธวิธีทื่อ ๆ ตรง ๆ อีกต่อไป
หากเล่นกับเกมและกติกาของอำมาตย์... นอกจากจะไม่ชนะแล้ว ก็มีแต่จะรอวันให้มันฆ่าเราก่อน
แล้วเมื่อนั้นก็จึงจะเกิดการเสียหายมหาศาล... กว่าเราจะชนะ... ก็คงอีกนาน
บ้านเมืองจะเสียหายไปมากกว่านี้ และเราจะเสี่ยงกับการถูกกำราบและเสียขบวน
จนทำให้พลังที่เข้มแข็งอ่อนยวบยาบลงไป กว่าจะรวมตัวได้ก็อาจจะเสียเวลาไปอีกเนิ่นนาน

ผมไม่ได้บอกว่าประชาชนจะแพ้ แต่บอกว่า หากสู้ในเกมของอ้ายและอีเวรตะไรบนนั้น
เราก็มีแต่รอวันสูญเสีย หรือยืดเวลาแห่งความฉิบหายให้ยาวขึ้น ให้บ้านเมืองย่อยยับไปกว่านี้อีก

ดังนั้น วันนี้ ต้องใช้ความรุนแรงครับ แต่เป็นความรุนแรงในกรอบอหิงสา

วันนี้ ขออนุญาตมาขอความเห็นพี่น้อง ว่าเราทำอะไรกันดี

ผมขอเริ่มสักสองสามข้อนะครับ พยายามให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญและกรอบกฎหมายให้มากที่สุดแล้วครับ

หนึ่ง ต้องประกาศร่วมกันไม่เสียภาษีเด็ดขาด ตราบใดที่อภิสิทธิ์ยังยึดอำนาจไปครองแบบหน้าด้าน ๆ
มันจะหน้าด้านอยู่ก็อยู่ไป แต่จะทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป จะไปไหนก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับ
คราวนี้ หากจะทำต้องทำให้หนักหน่วง ให้มันหน้าเสีย ใจเสีย และฝ่อเป็นกระเทยตามนายมันไปเลย
เอาให้หนัก... ในกรอบกฎหมายครับ หากจะปาขี้ ก็อย่าทำคนเดียว แต่ให้ทำพร้อมกันเป็นพันคน
เอาให้เป็นกรณีดังไปทั่วโลก แค่เงินไม่กี่พัน หากมันจะเอาขังคุกพร้อมกันพันคนก็ให้มันขังครับ

สอง ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ กับคำสั่งราชการและรัฐบาล อันนี้ เป็นสิทธิที่ทำได้ นอกจากไม่ทำ
ตามแล้ว อาจจะพยายามสร้างเครือข่ายต่อต้านคำสั่งรัฐบาล กดดันตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา
ตอนนี้ ป่าล้อมเมืองน่าจะต้องถูกปลุกขึ้นมาใช้แบบเข้มสุด ๆ

สาม บอยคอต ประนาม ข่มขู่ กดดัน โดยหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายซึ่งหน้า แต่ทำทั้งใต้ดินและบนดิน
ให้ไอ้และอีทั้งหลาย ไม่มีวันอยู่สุขสบายบนภาษีชาวบ้านอีกต่อไป
ย้ำว่า ต้องเอาให้หนัก เอาให้อยู่ไปก็อายตัวเอง และเกรงจะต้องโทษทัณฑ์
จะทำอย่างไร ขอให้มีทีมงานประสานกัน วางเป้าหมายแล้วหาเงื่อนไขให้ละเอียด
แล้วต้องทำแบบหวังผล เอาให้ไม่มีทางขัดขืนได้....
เกมปาขี้น่ะ ไม่เลวนะครับ... หากคิดได้ตรงนี้ ก็ต้องคิดได้อีกหลายอย่าง
ไอ้และอีที่ว่านี้ มีหลายระดับ จัดคน จัดทัพ แล้วให้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ทำให้ต่อเนื่อง ให้เห็นผล ทำให้มันถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมายน้อยที่สุดนะครับ
แต่มันรุนแรงพอจะทำให้ไอ้และอีพวกนั้น ไม่กี่ตระกูลต้องรู้สึก อับอาย เข็ดหลาบ
ไปตลอดชาติ อย่าให้ใครยิ้มหน้าบานในรถที่เป็นภาษีและเงินกู้ยืมที่เป็นภาระของเรา
ได้อีกต่อไป อย่าให้มันมีความสุขกับการไปเตะฟุตบอลเล่น ทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองย่ำแย่

เอาล่ะ ผมจุดประกายแค่นี้พอ...
จงเสนอประเด็น ทำเป็นแผน แล้วหาคนทำงานให้ชัดเจน ต่อเนื่อง แล้วให้ได้ผล
คนอินเดีย... ไม่ได้ร้องขอให้อังกฤษให้เอกราชนะครับ... ลองไปย้อนดูประวัติศาสตร์ครับ
และเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การปราศรัยเรียกร้องเดินขบวนดอก... เราทำการเยี่ยงนั้น
เพื่อปลุกมวลชนและทำให้พวกเขาตื่นรู้...
เมื่อเงื่อนไขพร้อมแล้วและเมื่อเราเห็นแล้วว่า รอต่อไปมีแต่เสียกับเสื่อม
เราจึงต้อง strike ครับ...

ได้เวลาเอาจริงเอาจังกับอ้ายและอีทรราษฎรแล้วครับ...
อย่าเดินเข้าไปในเกมที่มันดัก แต่จงบังคับให้มันเล่นเกมที่มันไม่มีทางชนะ
และเกมก็ไม่มีวันหมดหรือหยุด จนกว่าพวกมันจะล้มหายตายจากหรือยอมแพ้แบบราบคาบเท่านั้น

ช่วยเสนอความเห็นด้วยนะครับ... เราทำอะไรได้อีกบ้าง?

Sunday, February 7, 2010

พลพรรคคนเสื้อแดง ต้องรอบคอบ แต่อย่าใจแคบ...

พลพรรคคนเสื้อแดง ต้องรอบคอบ แต่อย่าใจแคบ...

ในระยะหลัง ๆ และระยะต่อไปนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
คือความขัดแย้งในแนวทาง ความแตกต่างในรายละเอียดการทำงานของกลุ่มต่าง ๆ
และที่สำคัญ จะมีการสร้างข่าว สร้างบ่าง และสร้างภาพความขัดแย้งโดยฝ่ายขี้ข้าอำมาตย์
จะเกิดศิลปินจำนวนมากที่กำกับโดยระบอบเผด็จการ ออกมาช่วยกันละเลงสี สร้างภาพลบ
และทำทุกอย่างเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของคนเสื้อแดง... ยิ่งใกล้วันวิกฤติ ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น
ดังนั้น พวกเราทุกคนที่มีหัวใจสีแดง อยากเห็นชัยชนะ อยากได้เสรีประชาธิปไตย
จะต้องรอบคอบ แต่ไม่ใจแคบ หลงไปมองเรื่องเล็กโดยไม่เห็นภาพใหญ่ หลงมองด้านผิด
โดยไม่มองด้านถูก หรืออะไรทำนองที่ไม่สร้างสรรค์
กล่าวคือ แนวทางแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างนั้น เราอย่าได้แต่ท่องติดปาก
แต่จะต้องเอามาคิด ตรึกตรอง และทำให้สอดคล้องด้วย

ศึกนี้เดิมพันมันสูง ยิ่งทักษิณสูญเงิน 76000 ล้านบาท
บาปกรรมมันก็จะติดตัวอำมาตย์และเทพอสูรอย่างหนักหน่วง
เงิน 76000 ล้านบาท ไม่ใช่แค่เงิน 760 หรือ 7600 บาทนะครับ ทำกันได้ขนาดนี้ ใครเล่าจะยอม?
และแน่นอนว่า กฎแห่งกรรม มันก็ยิ่งจะถูกกระตุ้นให้แรงขึ้น
โดยทั้งฝ่ายอำมาตย์และคุณทัก้ษิณต่างรู้ดัว่าเดิมพันมันสูง
อีกไม่กี่สัปดาห์นี้ เขาจึงเรียกว่า จะมีสงครามช้างสารเชื่อกใหญ่ชนกัน...
พร้อมกับแนวรบกองหน้าและทัพย่อย ก็จะต้องได้รับเรียกให้ทำหน้าที่ไปด้วย...

กรณีของคุณทักษิณ การได้คืนหรือสูญเสียทรัพย์สิน จะไม่มีผลมากมายกับพลังประชาชน
แต่อาจจะมีผลบ้าง กับนักการเมืองที่เกาะพลังประชาชนเพื่อรับใช้ทักษิณ เพื่อรอลาภผลในวันชนะ
สงคราม เราต้องอ่านตรงนี้ให้ขาด...
พวกที่ทำหน้าที่ให้พวกเราคนเสื้อแดงนั้น บรรดาหลายฝ่าย แต่แรกเริ่มเดิมที ก็ไม่ได้เข้ามาเพราะอุดมการณ์ประชาธิปไตยนะครับ
แต่เมื่อเข้ามาแล้ว เราก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเขา
และเราต่างยอมรับกันเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่สัมพันธ์กันแน่นแฟ้นขึ้น
อย่างไรก็ตาม เราจะไปหวังให้ทุกคนที่แสดงตัวแสดงหน้าในกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นพวกรักเสรีประชาธิปไตยแบบเอาชีวิตแลกได้เสียหมด คงไม่ได้
แต่จะมองว่า คนที่เป็นนักการเมือง นักการทหารเลียเจ้า และคนรักทักษิณ ไม่ได้พัฒนาอุดมการณ์ที่แท้จริง ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

โลกเรามันไม่ใช่ขาวกับดำเสมอไป และคนที่เป็นอย่างหนึ่ง คิดอย่างหนึ่ง ณ วันหนึ่ง ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะคงที่หรือเหมือนเดิม

นายกทักษิณ นี่คือนักธุรกิจที่มีมันสมองทางธุรกิจและความคิดเรื่องการลงทุนเพื่อผลตอบแทนนะครับ
ดังนั้น ระยะแรก เขาจึงมองดูทิศทาง หาทางเจรจา และสนับสนุนอย่างลับ ๆ โดยใช้คนสนิทที่รักใคร่หรือมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ทำงานให้
จนเมื่อแน่ใจแล้วว่า เทพอสูรและอำมาตย์ใหญ่ ไม่ยอมประสานผลประโยชน์แน่นอนแล้ว กอปรกับพลังแดงทั่วแผ่นดินได้ผล
เขาจึงเปิดเผยตัวออกมา และการที่เขาได้ยืนเป็นขุนศึกเอกของทัพเสื้อแดง ก็เพราะผลกรรมดีเก่า ๆ ที่เขาได้ทำ ตลอดจนผลกรรมดี
ที่ไม่คิดร้ายหรือเอาตัวลงต่ำเพื่อต่อสู้เรียกร้องผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่มองผลดีร้ายต่อชาติและบ้านเมือง
วันนี้ เขาจึงอยู่ในใจคนเสื้อแดง และคงได้คิดแล้วว่า ตายเพราะอยู่กับประชาชน ย่อมดีกว่าการไปกราบกรานแทบตีนเทวดาใจหมาหน้าไหนทั้งสิ้น
แต่เชื่อเถิดครับ ว่าการเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจ ในอนาคตหากเขาต้องเล่นกับอำนาจอีก เราอาจจะต้องได้เห็นอะไรที่ขัดใจบ้าง
เพราะเกมการเมือง มันต้องประสานผลประโยชน์ ผมจะละเอาไว้ แล้วให้กาลเวลาช่วยตัดสิน อีกอย่่างหนึ่ง นับจากนี้ไป
อะไรจะออกหัวและก้อย มันยังสรุปไม่ได้ เรายังคงต้องเดากันต่อไป แต่หากอยากชนะ ก็ต้องสร้างเงื่อนไขแห่งชัยชนะทั้งหลายให้เข้มแข็ง
ในส่วนที่เกี่ยวกัยท่านทักษิณนี้ แม้ผมจะไม่นิยมการเทิดทูนบูชาคน ๆ เดียว และผมก็ไม่เชื่อว่าคน ๆ เดียวจะต้องเก่งจนทำอะไรได้ทุกอย่าง
แต่ผมคิดว่า ต้องช่วยคุณทักษิณครับ เพราะวันนี้ เขาเป็นพี่ชายคนโตในบ้านเสรีประชาธิปไตยเลยก็ว่าได้
และวันข้างหน้า หากสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เขาอาจจะเป็นความหวัง ที่ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเหมือนกับผู้ใหญ่ใจเด็กพิการของเมืองไทยหลายคน

สองสามวันนี้ มีการพูดถึงคุณเฉลิม สุดารัตน์ พลเอกชวลิต พลเอกพัลลภ เสธแดง และแกนนำสามเกลอ ตลอดจนแกนนำนปช.
เราควรมองพวกนี้ให้ทะลุ กลุ่มคนตรงนี้ รวมถึงแกนนำระดับท้องถิ่นที่เริ่มทะยอยกันขึ้นเวที โดยเฉพาะสส. ท้องถิ่น หากมองแบบ
จงเกลียดจงชังก็สามารถพูดได้ว่า รับจ้างออกหน้าเพื่อหวังลาภยศตำแหน่งส่วนตนและครอบครัว (เฉลิม)
หรือมองว่า เป็นนางบัวลอย คือลอยไปลอยมาโดยไม่ทำอะไร เพื่อรอวันรับผลประโยชน์ (คุณหญิง)
หรือมวยเชิงที่ไม่มีหมัดน็อค แต่มัดใจคนดูตลอดกาล (อย่างจาตุรนต์)
หรือผู้ทรงอิทธิพลสีเขียวผู้ชอบหลายแคม (ชวลิต)
หรือนักรบทรยศแก๊งค์ของตัวเอง (พัลลภ)
หรือนักรบน้ำลายมันผู้ยึดมั่นในของเก่า (เสธแดง)
หรือสามเกลอสู้แล้วรวย แต่เดินเกมสวยด้วยพลังสีแดง
ฯลฯ

อันนี้ คือมองภาพแบบด้านเดียวนะครับ และเราจะเห็นได้ว่า ภาพเหล่านี้ มันเป็นเรื่องสันดานเก่า เป็นเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้า
และการเก็งผลประโยชน์ทั้งสิ้น และทุกวันนี้ คนเสื้อแดงต้องเก็บรายละเอียดพฤติกรรม การลงทุนและความจริงใจของคนเหล่านี้ไว้
เพราะถึงที่สุดแล้ว พวกเราเองน่ะแหละ ที่จะตัดสินให้ผลประโยชน์ ให้คุณ หรือให้โทษกับคนเหล่านี้ได้
และต้องยอมรับว่า คนเรามันมีสันดานอยู่กับการดำรงชีพ การได้เสียเพื่ออยู่รอดและก้าวหน้า ดังนั้น อย่าไปตำหนิพวกเขา...
หากไม่มีการได้ ไม่มีคนยอมเสีย... เราอาจจะไม่สามารถก้าวมาถึงวันนี้ได้...
แม้แต่พี่น้องเสืือแดงที่ติดตามสนับสนุนทัพเสื้อแดงมาสามปีกว่าเอง ก็หมดเงินหมดทองส่วนตัวไปไม่น้อยแล้วนะครับ

ดังนั้น เราต้องมองด้วยว่า ทุกท่านที่ว่ามา เป็นพลังคนเสื้อแดง ที่เราต้องใช้ เพื่อต่อสู้กับอำนาจโบราณทั้งหลายครับ
เราผลักพวกเขาออกไป เราจะไม่ได้อะไรเลย แต่การรับพวกเขาทำงาน ก็ไม่ได้แปลว่า พวกเขาต้องได้อามิสสินจ้างใด ๆ
คนเสื้อแดงที่มีพลังบริสุทธิ์ มีมากมายนัก และมีจำนวนมากกว่าผู้มีอิทธิพลตามหน้าสื่อที่ว่ามามากมาย
พวกเราในเว็บบอร์ดเอง ก็ถือเป็นพลังสำคัญ นักจัดรายการอย่างคุณคฑาวุธ คุณชูพงศ์ แม้แต่แต้มแทมป้าและวิทยากรทั้งหลาย
เว็บ นปช. ทั่วโลก เหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีจุดร่วม ที่แม้จะมีจุดต่าง เราต้องสงวนไว้อย่างสนิท แล้วทำงานร่วมกันต่อไป

ผมเคยพูดเรื่องการอย่าเอาไข่ใส่ตะกร้าใบเดียว เคยบอกเรื่องศึกเก้าทัพ
เคยเสนอเรื่องการแยกกันตี และวันนี้ หากจะเสนอภาพแบบลับ ลวง พรางไปด้วยก็ยิ่งดี
เล่นให้อำมาตย์ใหญ่งง ขี้ข้าอำมาตย์จับจุดไม่ได้ว่าใครทำให้พวกมันรู้สึกไม่ปลอดภัย
และให้พวกมันไม่รู้ว่าพวกเราจะโจมตีวันใด ตรงไหน และวิธีใด
แต่ลึก ๆ แล้ว ขอให้พวกเราติดต่อประสานงานกัน หน้าฉากอาจจะแกล้งทะเลาะกันบ้าง (หากเหมาะสมในเชิงยุทธวิธี)
แต่หลังฉาก ให้มีแผนร่วมไว้เสมอ...

ในขณะที่ตัวละครที่ว่ามาต้องเล่นกันไป และคนเสื้อแดงก็สนับสนุนให้พลังมันประสานและยิ่งใหญ่
ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ไม่ได้อยู่อย่างถาวรกับคนที่ว่ามานะครับ

คุณทักษิณอาจจะโดนยึดทรัพย์และฆ่าตายในเวลาไม่กี่ปีก็ได้
สามเกลออาจจะลงเอยติดคุกหรือถูกฆ่่าตาย หรือถอยทัพพับฐานก็ได้
นปช.บางท่าน อาจจะแก่ตายวายพลัง
เสธแดง ผู้หวังอยากอยู่ในอำนาจสูงสุดทางการทหาร หรือนักการเมืองที่คิดอยากได้ผลกำไรทางการเมืองจากการลงทุน
พวกนี้อาจจะเปลี่ยนจุดยืนได้เสมอ... และไม่ต้องไปแปลกใจหากมันเกิดขึ้น
แต่คนหนุ่มที่ได้คลุกคลีและได้ครูดี คือประชาชนรากหญ้าและรากแก้วเป็นผู้สั่งสอนทางจิตวิญญาณ
อย่างณัฐวุฒิ จตุพร แรมโบ้ อริสมันต์ จักรภพ และอีกหลายท่านที่ยังหนุ่มแน่น ผมหวังว่า ท่านจะไม่ยอมหยุดแค่ผลประโยชน์พรรคและส่วนตนนะครับ
ผมฝากความหวังไว้กับพวกท่าน

แต่สำคัญที่สุด ประชาชน พี่น้องทั้งหลาย หญิง ชาย แก่ อ่อน รวย จน การศึกษาต่ำหรือสูงทุกท่านครับ
พวกท่านคือคนที่สำคัญที่สุด พวกท่านคือพลังที่แท้จริงของแผ่นดิน...
เมื่อพวกท่านก้าวหน้าไปไกลแล้ว... ตาสว่างแล้ว...
อย่าหยุดอยู่แค่นี้... จงสร้างหัวใจสีแดงให้เต็มแผ่นดิน ให้มันเพิ่มขึ้นทุกวัน
จนวันหนึ่ง เราจะได้ชัยชนะ และได้รับการเคารพเกรงอกเกรงใจ จากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินและตัวแทนที่ไปใช้อำนาจอธิปไตย
และเหล่าลูกจ้างของพวกเราที่เราใช้ให้พวกม้นไปทำงานเป็นรั้วของชาติและดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง
ประชาชน ยิ่งใหญ่ที่สุด.. เราต้องท่องเอาไว้ และต้องทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ให้ได้ในที่สุด
เพราะนั่น คือ สิทธิมนุษยชนที่ทั่วโลกเขายอมรับ และเป็นอารยธรรมของมนุษย์ศตวรรษที่ 21 ครับ

ด้วยปรารถนาดีเสมอ
เพียงดิน

Saturday, February 6, 2010

แถลงการณ์ขบวนการสาธารณรัฐไทย ฉบับที่ 1

แถลงการณ์ขบวนการสาธารณรัฐไทย ฉบับที่ 1

ความปั่นป่วนของประเทศชาติที่ยาวนานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่การรัฐประหารทำลายรัฐบาลปรีดี พนมยงค์ ปีพ.ศ. 2490 จนถึงปัจจุบันเป็นผลจากความพยายามฟื้นระบอบราชาธิปไตยของราชสำนัก เนื่องจากกษัตริย์ไม่ยอมเป็นเพียงสัญญลักษณ์แห่งรัฐในระบอบประชาธิปไตยเยี่ยงนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้ว เช่นอังกฤษ ญี่ปุ่น สเปน หรือฟินแลนด์ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้กษัตริย์จึงเข้าแทรกแซงระบบการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยเครือข่ายลูกสมุนที่มีทั้งทหาร นักการเมือง อาจารย์มหาวิทยาลัย สื่อมวลชนรวมทั้งนักพัฒนาภาคเอกชนบางส่วนที่ได้ชุบเลี้ยงไว้ ด้วยการประสานเสียงโจมตีให้ร้ายต่อระบอบประชาธิปไตยของประชาชนอย่างเกินจริง จนประชาชนเกลียดชัง และโหมโฆษณาให้ทุกคนไปฝากความหวังไว้กับระบอบกษัตริย์ โดยชูคุณธรรมจอมปลอมขึ้นหลอกลวงประชาชนทุกเมื่อเชื่อวัน และทำการแทรกแซงขัดขวางรวมถึงการยึดอำนาจล้มระบอบรัฐสภาเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้สถาบันทางการเมืองที่สำคัญของประชาชนอันได้แก่รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง รัฐบาล และรัฐสภาเกิดความเข้มแข็งขึ้นได้ ด้วยเกรงว่าระบอบประชาธิปไตยของประชาชนจะเติบใหญ่และตั้งมั่น อันจะกระทบกระเทือนต่อพระราชอำนาจแห่งระบอบราชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความปั่นป่วนต่อธุรกิจการค้าและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากเกิดความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจกันอยู่เสมอโดยอ้างความจงรักภักดี ซึ่งราชสำนักเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อมิให้สถาบันใดสถาบันหนึ่งมีความเข้มแข็ง อันเป็นความเลวร้ายที่สุดของสังคมไทยในขณะนี้

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น อำนาจทางการเมืองและอำนาจทางเศรษฐกิจจึงถูกผูกขาดกระจุกตัวอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์ และแล้วกาลเวลาก็มาถึงเมื่อพระองค์ท่านใกล้จะสิ้นพระชนม์จึงเกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้นในราชวงศ์ เนื่องจากจำนวนของราชสมบัติที่ล้นหลามและพระราชอำนาจที่ล้นฟ้าล้นแผ่นดินเป็นเหตุเย้ายวนต่อการขึ้นครองราชย์ในฐานะรัชกาลที่ 10 ซึ่งไม่ยอมให้เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลและกระบวนการตามกฎหมายจึงเกิดขึ้น จากความขัดแย้งไม่ลงตัวระหว่าง แม่กับลูก และลูกสะใภ้จึงเกิดความปั่นป่วนมากขึ้น เมื่อแม่ได้ตัดสินใจสั่งการผ่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ให้เข้ามาจัดระบบอำนาจทางการเมืองใหม่เพื่อรองรับการเข้าสู่อำนาจของตน ดังนั้นบ้านเมืองจึงเกิดความปั่นป่วน ระบบการเมืองและกฎหมายพังทลาย เกิดภาวะสองมาตรฐานอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

การผลัดเปลี่ยนรัชกาลที่ใกล้จะมาถึงอันไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้นี้ ได้เกิดผลกระทบแก่ชีวิตประชาชนโดยตรง แต่ประชาชนเรากลับไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึง เพราะพวกมหาอำมาตย์ได้สร้างเครือข่ายบิดเบือนข่าวปิดหูปิดตาและข่มขู่การแสวงหาความจริงด้วยคุก ตะรางและการล่าสังหาร ในยุคโลกาภิวัฒน์ชีวิตของประชาชนได้ผูกติดกับระบบตลาด ทั้งตลาดหลักทรัพย์และตลาดการลงทุนที่ทุกคนต้องรู้ความจริงของสถานการณ์บ้านเมือง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดข่าวที่สุจริตชนต้องกลับกลายเป็นอาชญากรเพราะแสวงหาและถ่ายทอดข้อเท็จจริง

ความปั่นป่วนในราชวงศ์เป็นผลแห่งกรรมที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาเองแท้ๆ แต่พวกเขากลับโยนบาปและความทุกข์ยากมาที่ประชาชน

จึงขอให้พี่น้องและประชาชนรวมกันปฏิบัติภารกิจแรกที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งระยะของการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการช่วยกันถ่ายทอดความเป็นจริงแห่งสถานการณ์ตามเอกสารนี้ออกไปให้กว้างขวางและรวดเร็วที่สุด เพื่อมิให้พี่น้องประชาชนเราผู้บริสุทธิ์ ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงจะไม่ต้องฆ่าฟันกัน อันเกิดจากความเข้าใจผิดจากการปลุกปั่นยุยงของพวกราชสำนักที่พวกเขากำลังแย่งชิงอำนาจและราชสมบัติกัน โดยพวกเขาต้องใช้รัฐบาล รัฐสภา และศาลเป็นเครื่องมือ


ขบวนการสาธารณรัฐไทย

1 มกราคม 2553